ทำพาสปอร์ตที่เซ็นทรัลบางนา

Making Passport at Central Bang Na
ตั้งใจว่า ปีหน้า จะไปเยือนเมืองหนาวกับแฟนให้ได้ ตอนแรกก็วาดวิมานไว้สวยหรูว่าจะไปยุโรป พอเช็คราคาทัวร์ อืม 60,000 บาท ขึ้น สองคนก็แสนสาหัส เลยเปลี่ยนใจ ไหนลองคำนวณดูสิว่า ถ้าไปเอง เลือกประเทศเดียวจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ภาษาไม่ใช่ปัญหา แต่ตังค์นี่สิ รำเค็ญ กดเครื่องคิดเลขไปมาหลายรอบหลังจากหาข้อมูลจากหนังสือเที่ยวไม่ง้อทัวร์ จากเน็ต อืม ก็ไม่แพ้กัน ต่อให้พักบ้านเยาวชนก็เหอะ ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทอยู่ดี แถมอาจเหนื่อยแสนสาหัส เพราะต้องเดินเยอะ น้องๆ เล่าว่า ไปเที่ยวเองที่ฮ่องกง เดินจนเล็บหลุด จึ๋ย ไม่เอาดีกว่า เพราะเรามันก็แก่เกินไปที่จะทนลำบากขนาดนั้น แต่ถ้าไม่ไปตอนนี้ ก็ยิ่งแก่เข้าไปอีก จะสนุกอะไรล่ะ จริงมะ
เอ้า เอาใหม่ ปรับเข็มทิศมาอยู่แถบเอเซียบ้านเราดีกว่า เห็นว่าเกาหลีฮิตกันจัง ไปมาแล้วหนึ่งรอบก็งั้นๆ ถามแฟนเรา เขาก็ส่ายหน้า ไม่อาว ไม่อยากไปแบบนั้น ไม่ชอบ ก็แหงล่ะ ก็เล่นโฆษณากันหราว่า ไปดูสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Winter Love Song งี้ ตามหาหัวใจอะไรแบบนี้ ผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะไปชอบเล่า อันนี้ก็พอเข้าใจ
ญี่ปุ่น อยากไปญี่ปุ่น ด้าย แต่เดี๋ยวก่อนราคาตั๋วไหงมันเกือบๆ ไปยุโรปเลยล่ะ ไม่เอาๆ เราไม่อยากไปอีก 2 รอบก็เกินพอ ทุกอย่างแพง ผู้ชายหน้าตาประหลาด คิ้วบ้าง บาง งั้นไปเมืองจีนดีกว่ามั้ย ไปดู หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัสจรรย์ของโลก กำแพงเมืองจีน คราวนี้ ชายแท้อย่างเขา เอาด้วย สงสัยอยากกลับไปหาบรรพบุรุษ อิอิ
สรุปว่า ปีหน้า ปลายเดือนมกราคม เราจะไปปักกิ่งกัน ที่เลือกปลายเดือนเพราะเขาต้องรอปิดต้นฉบับให้เสร็จ เราจึงมีเวลาแค่ช่วงนั้นจริงๆ เลือกแล้วว่าจะไปซัก 6 วัน 5คืน ไปทั้งที่ต้องให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ไปแป๊บๆ จะไปได้อะไร อุณหภูมิที่เช็ค ช่วงนั้นก็น่าจะติดลบ สิบ เหอ เหอ สุดๆ ไปเลยพี่
วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เราสองคนจึงลางานเพื่อไปทำอีพาสปอร์ตเล่มใหม่กัน ที่เซ็นทรัลบางนา เช็คในเวป บอกว่าอยู่ชั้น 5 แต่พอไปจริงๆ เห็นป้ายติดอยู่ที่ชั้น 1 แต่มุมไหนของห้างก็ไม่รู้ เดินถามมันไปเรื่อยๆ เหมือนอยู่ในเขาวงกต เข้าหน้าห้าง ออกไปยังลานจอดรถ เดินลัดเลาะไปทางซ้ายตามที่เขาชี้มา พยายามหาทางขึ้นลิฟท์ เพราะตอนนั้นยังคิดว่าอยู่ที่ชั้นห้า แต่ในที่สุดถามยาม จึงรูว่าอยู่ติดกับไปรษณีย์ ชั้น 1 นั่นแหละ
10 โมงครี่ง โอโห คนเยอะแฮะวันนี้ สงสัยคิดเหมือนกัน เพราะเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยว เราสองคนได้บัตรคิวที่ 467 กับ 468 เอกสารที่ต้องใช้มีน้อยมาก บัตรประชาชนใบเดียวครับพี่ แต่ถ้าใครใช้บัตรข้าราชการที่บัตรประชาชนหมดอายุ เขาจะขอดูพาสปอร์ตเก่าด้วย พอดีเราอยู่ในเคสหลัง เราเอาพาสปอร์ตเล่มน้ำเงินติดตัวไป เลยหมดปัญหา รอคิวอยู่ประมาณ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ถูกเรียกพร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่
ข้างในมีเจ้าหน้าที่บริการมากถึง 30 โต๊ะ ยื่นเอกสารบัตรคิว เช็คประวัติ สแกนนิ้วชี้ 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เช็คสภาพตัวเองซะ จากนั้นก็ถ่ายรูป แชะ เอ้ามาดูสิคะ ชอบมั้ย (ไม่ชอบ) แต่ก็รู้ตัวว่า ถ่ายใหม่ก็คงเหมือนเดิม เลยยอมรับสภาพ ให้ผ่านได้
รับเอกสารมา สองใบ เดินไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์สีน้ำเงินด้านนอก 1000 บาท สำหรับค่าอีพาสปอร์ต 35บาท ค่าไปรษณีย์จัดส่งไปให้ที่บ้าน (มิน่าล่ะ ถึงได้อยู่ติดกับไปรษณีย์ ตรรกกะ มันเป็นเช่นนี้เอง) รับใบเสร็จ มาสองใบ แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย ทันเที่ยงพอดี แป๊ะ

Comments